‘พี่สาวรุ้ง’ ติด โควิด คาดติดเชื้อจากน้อง

‘พี่สาวรุ้ง’ ติด โควิด คาดติดเชื้อจากน้อง

เม พี่สาวรุ้ง ปนัสยา ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าตนป่วยเป็นโรค โควิด เช่นเดียวกัน คาดว่าติดเชื้อจากน้องสาว เม เมธาวี สิทธิจิรวัฒนกุล พี่สาวของ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หนึ่งในแกนนำราษฎรที่เพิ่มได้รับประกันตัวออกมาและถูกพบว่าติดโรคโควิด-19 นั้นได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าเธอเองก็ติดโควิด-19 เช่นเดียวกัน คาดว่าได้รับเชื้อมาจากน้องสาว

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า

“ทุกคนคะ ผลตรวจโควิดของเมพบว่า ‘ติดเชื้อ’ นะคะ คาดว่าติดจากน้องที่เพิ่งออกมาจากเรือนจำ เดี๋ยวจะรีบมาแจ้ง timeline ให้เร็วที่สุดค่ะ เบื้องต้นเมทยอยแจ้งคนที่สัมผัสใกล้ชิดแล้ว และทุกคนกำลังไปตรวจค่ะ” รุ้ง ปนัสยา ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคาว เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากการค้นหาเชิงรุกของกรมราชทัณฑ์พบว่า ทัณฑสถานหญิงกลาง มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,040 ราย โดยทัณฑสถานหญิงกลางเป็นสถานที่ใช้คุมขัง

โฟกัส นักแสดงชื่อดังซัด หลวงพี่กาโตะ พร้อมท้าให้ลองสึกมาทำงาน หลังจากที่หลวงพี่กาโตะพูดถึงกลุ่มราษฎรว่า “บางคนหุงข้าวไม่เป็นแต่ไปปฏิรูปประเทศแล้ว” โฟกัส จีระกุล นักแสดงชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความถึง พระพงศกร ปภัสสโร หรือ หลวงพี่กาโตะ รักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ลงทวิตเตอร์ระบุว่า “พระไม่รู้ พระก็น่าจะอยู่เงียบๆ ลองมาสึกมาหางานทำดูค่ะ จะได้รู้สึกเหมือนประชาชนทั่วไป”

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลวงพี่กาโตะ บรรยายให้นักศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช และได้มีการพูดถึง กลุ่มม็อบสามนิ้ว ว่า “คนสมัยนี้ทะเลาะกัน โดยเฉพาะวัยรุ่น อาตมาปวดหัวมาก ที่ไปชู 3 นิ้วกัน เด็กวัยรุ่นบ้านเราดีหน่อยหนึ่ง โดยเฉพาะชาวใต้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่อื่นสงสารมากเที่ยวไปชู 3 นิ้วกัน บางคนหุงข้าวไม่เป็นแต่ไปปฏิรูปประเทศแล้ว” จากความเห็นดังกล่าวทำให้ประชาชนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก

อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทนายกำลังอยู่ระหว่างยื่นประกันระหว่างฎีกา

พิธา จี้ไทย ตามหลักระหว่างประเทศ ไม่ส่งทีมนักข่าวเมียนมากลับประเทศเจออันตราย

พิธา จี้รัฐบาลไทย ตามหลักระหว่างประเทศ ต้องปฏิบัติตามหลักจารีตประเพณีระหว่างประเทศโดยไม่ส่งผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานของ Democratic Voice of Burma กลับเมียนมาร์ไปเผชิญภยันตราย วันนี้ 13 พ.ค. 2564 นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก กรณี ผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานอีก 5 คนของสำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกจับด้วยข้อหาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เรียกร้องให้ไทยคุ้มครองต่อทีมผู้สื่อข่าว และให้สิทธิที่จะพำนักในประเทศไทยชั่วคราว ตามหลัก Non-Refoulement ความว่า

ผมรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการจับกุมผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานทั้ง 5 คนของสำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยทางการไทยกล่าวหาทั้ง 5 คนว่าหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ทั้ง 5 คนจะถูกนำตัวไปพิจารณาคดีที่ศาล และเพราะการระบาดของโควิด พวกเขาจะถูกกักขัง 14 วันก่อนที่จะถูกส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต่อไปหากศาลตัดสินว่ามีความผิด ถ้าหากว่าพวกเขาถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศเมียนมาร์ มีความเป็นเป็นได้สูงมาก ที่พวกเขาจะต้องเผชิญกับการคุกคามต่อชีวิตและเสรีภาพ เนื่องจากการปฏิบัติงานให้กับ DVB โดยตั้งแต่มีการรัฐประหารเป็นต้นมามีผู้สื่อข่าวในเมียนมาร์ถูกคุมขังอย่างน้อย 70 คนในขณะที่มีรายงานถึงการทรมานและการฆาตกรรมผู้ถูกคุมขังโดยทหารเมียนมาร์จากแถลงการณ์ของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย

ไม่ว่าผลการพิจารณาข้อกล่าวหาจะเป็นเช่นไร ทางการไทยจะต้องให้ความคุ้มครองต่อผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานของ DVB และให้สิทธิที่จะพำนักในประเทศไทยชั่วคราว ตามหลัก Non-Refoulement ซึ่งเป็นหลักจารีตประเพณีระหว่างประเทศว่าไม่ให้ส่งตัวบุคคลกลับประเทศไปหากเชื่อได้ว่าเมื่อส่งกลับไปแล้วจะเผชิญกับภยันตราย รวมถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคัดกรอง​คนต่างด้าวที่เข้ามา​ในราชอาณาจักร ที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ​อันเป็น​ภูมิลำเนาได้

ผมคิดว่ายังมีโอกาสที่รัฐจะทำสิ่งที่ควรทำให้เป็นไปอย่างถูกต้องได้ จากการที่ศาลได้มีคำสั่งเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป และจากคำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศที่สัญญาว่า ทางการไทยกำลังบูรณาการกันเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในกรณีนี้ ผมขอย้ำว่า รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด

การเข้าจับกุมสำนักข่าวที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงของเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทย ที่กำลังถดถอยภายใต้รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ ในด้านเสรีภาพสื่อ ประเทศไทยในปัจจุบันนี้อยู่ที่อันดับ 137 จาก 180 ของโลก ในด้านสิทธิทางการเมือง และเสรีภาพของพลเมือง ประเทศไทยถูกจัดว่าเป็นประเทศ “ไม่มีเสรีภาพ” โดยองค์กร Freedom House

พล.อ ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลไทยจะต้องปล่อยตัวผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานของสำนักข่าว DVB อย่างไม่มีเงื่อนไข และให้การคุ้มครองพวกเขาตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎระเบียบภายในประเทศ รวมถึงยุติการละเมิดเสรีภาพของสื่อมวลชนและเสรีภาพในการแสดงออกอันเป็นเสาหลักของเสรีภาพอื่นๆ ทั้งปวง

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร